บริษัท สกายเทคอินโนเวชั่น จำกัด

ศูนย์จำหน่าย CRC อย่างเป็นทางการ

CRC

Made in USA

 

 

1. น้ำยาล้างหัวฉีดดีเซล
สินค้า  USA  คุณภาพระดับโลก  ราคาคนไทย 
ช่วงโปร ขวดละ 380  บาท
ราคาส่ง ขวดละ 245 บาท( ต้องซื้อ 3 ขวดขึ้นไป )

 

คุณประโยชน์

  1. ล้างหัวฉีด  ล้างคราบสกปรก  จากน้ำมัน  คราบเขม่า  สิ่งปลอมปนอื่น ๆที่มากับน้ำมัน
  2. ลดควันดำ  ลดการปล่อยมลพิษ  ( CO, HC )
  3. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้  ประหยัดน้ำมัน
  4. ช่วยลดการกัดกร่อน
  5. ช่วยหล่อลื่นระบบเชื้อเพลิง ,  เช่นปั๊มน้ำมัน  วาล์วต่าง ๆ  เช่นวาล์วกันกลับ  วาล์วระบายแรงดัน  เป็นต้น
  6. คงค่าซีเทนนัมเบอร์ในน้ำมัน  ทำให้เครื่องยนต์เดินเรียบ
  7. ช่วยยืดอายุ  หัวฉีด  ซึ่งมีราคาแพง

วิธีใช้
กรณีทั่วไป 
ครั้งแรก  เติม  1  ขวด  (  355  CC ) ลงในถังน้ำมันเชื้อเพลิงพร้อมน้ำมันเต็มถังหรือประมาณ  65 – 70  ลิตร  หลังจากนั้น  เติมทุก ๆ  30,000  -  40,000  กม.  โดยเติม  1  ขวด  พร้อมน้ำมันเต็มถัง  ( 65 – 70 ลิตร )   เพียงเท่านี้  ท่านก็สามารถยืดอายุหัวฉีดได้  ทั้งยังได้แรงและประหยัดอีกด้วย
กรณีหัวฉีดสกปรกมาก
ไม่เคยล้างเลย  ให้ใช้  2  ครั้งติดต่อกัน  หากอาการยังไม่ดีขึ้น  ให้ถอดหัวฉีดออกมาทำการล้าง  โดยใช้น้ำยาล้างหัวฉีด  +  เครื่องอุลตร้าโซนิคส์  แล้วทำการทดสอบสภาพการฉีดดู
หากยังไม่ดีขึ้น  ควรซ่อมหัวฉีดโดยการเปลี่ยนเข็มหรือ  นมหนู  ( ชุดยกปลายหัวฉีด ) 
หากยังไม่ดีขึ้น  ควรเปลี่ยนหัวฉีดทั้งหัว
หากยังไม่ดีขึ้น  แนะนำให้เปลี่ยนรถครับ  !!   (อ่ะล้อเล่น!! )

 

 

 

 

 

 

 

 

 

2. น้ำยาล้างหัวฉีดเบนซิน
สินค้า  USA  คุณภาพระดับโลก  ราคาคนไทย 
ช่วงโปรขวดละ  295  บาท
ราคาส่ง ขวดละ 190 บาท(ต้องซื้อ 3 ขวด ขึ้นไป)


คุณประโยชน์

  1. ล้างหัวฉีด  ล้างคราบสกปรก  คราบเขม่า  สิ่งปลอมปนจากน้ำมัน
  2. ล้างระบบท่อทาง  รวมทั้งปั้มน้ำมันด้วย
  3. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้  ลดมลพิษ  ประหยัดน้ำมัน
  4. ลดการน๊อคของเครื่องยนต์  เนื่องจากระบบจ่ายเชื้อเพลิงมีความสะอาดไม่มีสารปลอมปน  (Deposits)
  5. เพิ่มค่าออกเทนในน้ำมันเบนซิน
  6. ช่วยทำความสะอาดวาล์ว  ไอดี  ไอเสีย

วิธีใช้
กรณีมีปัญหา  หัวฉีดสกปรก  และไม่เคยล้างหัวฉีดมาก่อน  ให้เติม  2  ขวด  ต่อน้ำมันเบนซิน  ประมาณ  45  ลิตร
กรณีทั่วไปที่ต้องการให้หัวฉีดสะอาดอยู่เสมอ  ให้เติม  1  ขวด  ต่อน้ำมันเบนซิน  ประมาณ  45  ลิตร
หลังจากนั้นให้เติมทุก ๆ  30,000  -  40,000  กม.  เพื่อรักษาสภาพหัวฉีดให้สะอาดใหม่อยู่เสมอ  คงสมรรถนะให้เครื่องยนต์แรงและประหยัด
สำหรับหัวฉีดที่มีปัญหา  ให้ทำการถอดหัวฉีดมาล้างด้วยน้ำยา  พร้อมเครื่องล้างอุลตร้าโซนิคส์ก่อน
หากยังไม่ดีขึ้น  ค่อยพิจารณาซ่อมหรือเปลี่ยนหัวฉีด
ซึ่งหัวฉีดใหม่ของเบนซินราคาไม่แพง  ควรเปลี่ยนใหม่ดีกว่า  จะได้ใช้งานอีกยาวนาน  เพราะน้ำมันเบนซินสะอาดกว่าดีเซลมาก  และหัวฉีดไม่ได้สัมผัสกับก๊าซร้อนจากการเผาไหม้จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องคราบเขม่า

 

 

 

 

ขวดโฉมใหม

 

 

 

 

 

หัวใจของระบบเครื่องยนต์ดีเซลคือ
1.ระบบอัดอากาศ  นั่นคือ เทอร์โบ
2.ระบบจ่ายเชื้อเพลิง นั่นคือ หัวฉีด

     จะเห็นได้ว่า  หัวฉีดมีส่วนสำคัญอย่างมากในการจ่ายเชื้อเพลิง  เพื่อกำเนิดพลังงานในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์  การทำให้เครื่องยนต์ทรงสมรรถนะที่ดีได้นั้น  จำเป็นต้องบำรุงรักษาหัวฉีดเป็นอย่างดีด้วย
สาเหตุหลักที่ทำให้หัวฉีดมีสมรรถนะด้อยลงนั้น  แน่นอนทีเดียวคือ  น้ำมันดีเซล  ที่เป็นต้นเหตุสำคัญทั้งจากความสกปรกหรือสิ่งปนเปื้อน  ในน้ำมันเองที่เป็นธรรมชาติของน้ำมันดีเซลอยู่แล้ว  ( น้ำมันดีเซลจะมีส่วนประกอบที่บริสุทธิ์น้อยกว่าน้ำมันเบนซิน )  อีกทั้งในปัจจุบันได้มีการผสมไบโอดีเซล เข้าไปอีกจึงทำให้น้ำมันดีเซลมีความบริสุทธิ์น้อยลง  ดังนั้น  เมื่อเกิดการสันดาปจึงเกิดคราบเขม่าสะสม  ทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ  ของเครื่องยนต์และที่สำคัญคือ  หัวฉีด เกิดการอุดตัน

     สรุป  สาเหตุสำคัญในการทำให้หัวฉีดด้อยสมรรถนะลง  ได้แก่

  1. น้ำมันดีเซล
  2. คราบเขม่าจากการเผาไหม้

     การบำรุงรักษาหัวฉีด  ทำได้จากง่ายไปยาก  ดังนี้

  1. เติมสารล้างหัวฉีดดีเซล  ทุก ๆ  30,000-40,000  km.  วิธีนี้  ผู้ใช้งานทุกท่านสามารถทำเองได้  เพียงแค่เติมลงในน้ำมันดีเซล
  2. ถอดหัวฉีดมาล้างทำความสะอาดด้วยเครื่องล้าง  อุลตร้าโซนิคส์  +  น้ำยาล้าง   วิธีนี้ต้องให้ช่างผู้ชำนาญ  เป็นผู้ทำ  ควรทำทุก ๆ  50,000  -  60,000  กม.

เพียงเท่านี้  รถของท่านก็สามารถคงสมรรถนะที่ดีได้
ขับสนุก  ประหยัดน้ำมัน  และปลอดภัย

 

 

รถยนต์ต้องการการดูแลที่ดีเช่นเดียวกับคน 
การบำรุงรักษา(Preventive Maintenance) คือการตรวจสอบและเปลี่ยนอะไหล่ตามกำหนดหรือก่อนที่จะพัง  วิธีนี้ปลอดภัยกว่า ประหยัดกว่า เป็นวิธีสากลที่ใช้กับเครื่องจักรทุกชนิด
ส่วนการซ่อม(Repair and Fix) คือ การที่รถ พังหรือ เสียหายแล้ว ค่อยทำการซ่อม อย่างนี้อันตรายและมักเสียค่าซ่อมแพงกว่า งานก็แย่ด้วย เพราะรถเสียหายไปมากแล้ว
ดูแลรักษารถอย่างถูกวิธี ด้วยช่างผู้ชำนาญงาน ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย
ท่านจะได้ใช้รถอย่างปลอดภัย ประหยัดน้ำมันและค่าซ่อมบำรุง